ขายของบน Facebook จะขายได้เหรอ???


Sell On Facebook 
   เอาง่ายๆ "ขายของบนเฟสบุ๊ค" นี่แหล่ะ ไม่ต้องไปใช้คำที่มันดูวิจิตรพิศดารอะไร แล้วไอ้การเอาสินค้ามาขายบนเฟสเนี้ยะ มันขายดีจริงรึ? หรือแค่โพสทิ้งๆขว้างๆ อ่า!! อันนี้อยู่ที่ตัวคุณเเล้วหล่ะ แต่มันก็มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ที่จะเป็นตัวช่วยให้โพสแต่ละโพสของคุณมีประสิทธิภาพ ดีกว่าโพสทื่อๆแล้วไม่มีแม้แต่คนถูกใจละน่ะ 
   ก่อนอื่นต้องมารู้ก่อนว่า เฟสบุ๊คมีอะไรเป็นตัววัดว่าโพสของเรามีคุณภาพ พอทีจะโชว์ในหน้านิวส์ฟีดเฟสบุ๊ค วันนี้จะมาทำความรู้จักกับไอ้เจ้า Edgerank ซึ่งมีส่วนประกอบดังนี้

 EDGERANK
   ส่วนประกอบนั้นมีอยู่ 3 อย่าง แต่ Facebook จะนำ Edgerank มาคำนวณด้วยสูตรที่มีสัดส่วนแต่ละอย่างเท่าไหร่นั้น ยังคงเป็นความลับอยู่
Affinity หมายถึงคุณมีความใกล้ชิดกับผู้อ่านมากแค่ไหน เคยมา commentหรือ like โพสที่คุณเคยโพสมาก่อนหน้านี้ มากแค่ไหนเพราะถ้ามีเยอะจะส่งผลต่อการคำนวณ Edgerank ของโพสคุณ
Wight ไม่ได้แปลตรงๆว่าน้ำหนัก แต่หมายถึงว่าโพสของคุณมีจำนวนcomment, like, share มากแค่ไหนเรียกว่าความหนาแน่นของโพสดีกว่า
Time Decay อันนี้คือยิ่งนานวันโพสของคุณมีความสำคัญอยู่หรือไม่ เคยย้อนกลับไปดูโพสเก่าๆของตัวเองบ้างรึเปล่า

จะขายของนะครับไม่ใช่โพสระบายความรู้สึก มันต้องมีการสำรวจโพสว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ รู้ว่าเค้าใช้หลักการอะไรมาคำนวณแล้ว คราวนี้อยากรู้เคล็ดลับที่จะทำให้โพสมีประสิทธิภาพรึยัง?
ถ้าอยากไปต่อ กรุณาโอนเงินเข้าบัญชีผมเพื่อเข้าสู่บทเรียนต่อไป 




   


   5555555 ล้อเล่นหน่ะครับ ใครจะใจดำขนาดนั้นไม่ต้องเสียตังค์หรอกครับ จัดให้ฟรีๆเลยรู้ไว้ไม่เสียหายนะครับ

  การที่โพสจะมีประสิทธิภาพและสามารถขายของได้นั้น ก่อนอื่นต้องรู้จักช่วงเวลาในการโพสเสียก่อน จากสถิติเวลาช่วงเช้าจะอยู่ที่ 07:00 น.- 10:00 น. ช่วงบ่ายจะมีผลมากแค่วันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนช่วงเย็นนั้นประมาณ 19:00 น.เป็นต้นไปครับ มันมีเหตุและผลของแต่ละช่วงเวลาลองหาดู

   ต่อไปมาดูเรื่อง comment, like, share ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่นำมาคำนวณประสิทธิภาพของโพส ถ้าไม่มีคนอื่นมากดให้ลักไก่ด้วยการกดเองสิครับ แสดงความเห็นเอง แชร์เองเลย แต่อย่าเยอะนะครับเดี๋ยวโดนแบน

   พอมาถึงเรื่องจำนวนมาก-น้อย ทำให้นึกถึงเรื่องโพส ว่าแต่ละวันไม่จำเป็นต้องกระหน่ำโพสจำนวนมากๆจนดูเลอะและสร้างความรำคาญให้ผู้อื่น คุณเองก็คงไม่ชอบใจเท่าไหร่นักเวลาเห็นโพสอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด

   และที่สำคัญคือ รูปภาพประกอบ เดี๋ยวนี้เฟสบุ๊คมักไม่ค่อยชอบรูปที่มีตัวหนังสืออยู่ในรูปเยอะๆ ลองทำภาพที่เน้นคมชัดสื่อสารได้ชัดเจนดีกว่า อย่าลืมหาวีดิโอมาโพสบ้างก็ได้นะ ผู้อ่านบางท่านก็ไม่ค่อยอยากอ่านอะไรยาวๆ แค่ดูรูป ดูวีดิโอประกอบ ประเภทที่หูฟังแต่ตากับมือกำลังเมาส์เรื่องชาวบ้านอยู่ (คนไม่เคยทำมักไม่ค่อยรู้ อิ อิ)

   อย่างสุดท้ายเลยคือ การสร้างสัมพันธ์กับผู้อ่านบ้าง เช่น มีช่องทางแชทคุยสอบถามเกี่ยวกับสินค้าในช่องแชทบ้าง หรือบางโพสอาจมีคำถามแทรก ให้มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้โพสกับผู้อ่านโพส ถ้าทำแล้วไม่มีผลลัพธ์ก็ออกแนวขอร้องกันไปเลย เช่น ช่วยกันกดไลค์หน่อยนะค่ะ, แชร์ได้นะไม่หวงถ้าเป็นประโยชน์, คอมเมนต์กันสักนิดเป็นกำลังใจให้คนเขียนบทความนะ เออะ!!อันนี้ไม่เกี่ยวใช่มั๊ย 55555



   และที่สำคัญอย่าลืมเลยนะว่า Facebook ไม่ใช่ที่ปิดการขายที่ดีที่สุด แต่เป็นเว็บไซต์ต่างหากที่ที่คุณรวมเอาสินค้าทุกอย่างที่คุณมี รวมทั้งรายละเอียดสินค้าและราคา Facebook มีหน้าที่เพียงโปรโมทกับปิดการขายกับคนที่อยากซื้อหรือรู้จักสินค้าคุณอยู่แล้ว
   อย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมบอกคุณต้องไปพิสูจน์เอาเอง ด้วยการลงมือทำ การขายที่ดีที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนว่าขายได้มากน้อย แต่เกิดจากการซื้อซ้ำๆในคนเดียว แล้วเกิดการบอกต่อเป็นช่องทางโปรโมทที่เรียกว่า "ปากต่อปาก" เป็นคนขายที่คนซื้อชื่นชม นำเสนอสินค้าอะไรมาแนะนำลูกค้าก็มั่นใจในคุณภาพ 

****** โกงใครหลอกใครก็ทำได้แต่ไม่อาจหลอกตัวเองได้ ******


ติดต่อสอบถาม 






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องของขอทานกับร้านซาลาเปา

6 คำถาม ถามใจตัวเองว่าพร้อมเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือไม่